เมนู

ภิ. กำลังปะผ้า พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ดีละ ดีละ ภิกษุ เป็นการชอบแท้ ภิกษุ ที่เธอดามผ้าปะ.
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทำธรรมีกถาในเพราะเหตุเป็นเค้ามูล
นั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เราอนุญาตผ้าสังฆาฏิ 2 ชั้น ผ้าอุตราสงค์ชั้นเดียว ผ้าอันตรวาสกชั้นเดียว
สำหรับผ้าใหม่มีกัปปะใหม่ ผ้าสังฆาฏิ 4 ชั้น ผ้าอุตราสงค์ 2 ชั้น อันตรวาสก
2 ชั้น สำหรับผ้าที่เก็บไว้ล่วงฤดู พึงทำอุตสาหะในผ้าบังสุกุลจนพอต้องการ
หรือทำอุตสาหะในผ้าที่ตกจากร้านตลาด.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตผ้าปะ การชุน รังดุม ลูกดุม การ
ทำให้มั่น .

เรื่องนางวิสาขา มิคารมาตา


[153] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ในพระนครพาราณสี
ตามพระพุทธาภิรมย์ แล้วเสด็จพระพุทธดำเนินไปทางพระนครสาวัตถี เสด็จ
พระพุทธดำเนินผ่านระยะทางโดยลำดับ ถึงพระนครสาวัตถี ทราบว่าพระผู้มี-
พระภาคเจ้าประทับอยู่ในพระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกะคหบดี เขต
พระนครสาวัตถีนั้น ครั้งนั้น นางวิสาขา มิคารมาตา เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงชี้แจงให้
นางผู้นั่งเรียบร้อยแล้ว เห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริงด้วยธรรมีกถา
นางผู้อันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงชี้แจงให้เห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง
ด้วยธรรมีกถาแล้ว จึงได้กราบทูลอาราธนาพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ขอพระผู้มี-
พระภาคเจ้า พร้อมด้วยพระสงฆ์จงทรงพระกรุณาโปรดรับภัตตาหารของหม่อม-

ฉันเพื่อเจริญบุญกุศลและปีติปราโมทย์ในวันพรุ่งนี้ด้วยเถิด พระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับอาราธนาด้วยดุษณีภาพ ครั้นนางทราบการรับ
อาราธนาของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ลุกจากที่นั่ง ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค
เจ้าทำประทักษิณกลับไป ครั้นผ่านราตรีนั้นไป ฝนตั้งเค้าขึ้นในทวีปทั้ง 4 ตก
ลงมาห่าใหญ่.
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย ฝนตกในเขตวันฉันใด ตกในทวีปทั้ง 4 ก็ฉันนั้น พวกเธอจงสรง
สนานกายกันเถิด เพราะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฝนห่าใหญ่ตั้งเค้าขึ้นในทวีปทั้ง 4.
ภิกษุเหล่านั้นรับสนองพระพุทธบัญชาว่า เป็นดังพระพุทธดำรัส
พระพุทธเจ้าข้า แล้วพากันเปลื้องผ้าสรงสนานกายอยู่.
ครั้งนั้น นางวิสาขา มิคารมาตา สั่งให้ตกแต่งของเคี้ยวของบริโภค
อันประณีต แล้วสั่งทาสีว่า ไปเถิดแม่ เจ้าจงไปอารามแล้วแจ้งภัตกาลว่า ถึง
เวลาแล้ว ภัตตาหารเสร็จแล้ว เจ้าข้า.
ทาสีนั้นรับคำว่า เป็นเช่นนั้น เจ้าข้า แล้วไปวัด ได้เห็นภิกษุเปลื้องผ้า
สรงสนานกาย ครั้นแล้วเข้าใจผิดคิดว่า ในอารามไม่มีภิกษุ มีแต่พวกอาชีวก
สรงสนานอยู่ จึงกลับไปบ้านได้แจ้งความแก่นางวิสาขา มิคารมาตาว่า นาย
ภิกษุไม่มีในอาราม มีแต่พวกอาชีวกสรงสนานอยู่ เจ้าค่ะ.
นางวิสาขา มิคารมาตา เป็นสตรีฉลาด เฉียบแหลม มีปัญญารู้ได้ทัน
ทีว่า พระคุณเจ้าทั้งหลายคงเปลื้องผ้าพากันสรงสนานกายเป็นแน่ นางคนนี้
เขลา จึงสำคัญว่า ไม่มีภิกษุในอาราม มีแต่พวกอาชีวกสรงสนานกายอยู่ จึง
สั่งสาวใช้ว่าไปเถิดแม่ทาสี เจ้าจงไปอาราม แล้วแจ้งภัตกาลว่า ถึงเวลาแล้ว
ภัตตาหารเสร็จแล้วเจ้าข้า.

ครั้นเวลาต่อมา ภิกษุเหล่านั้น ทำตัวให้เย็น มีกายงาม ต่างถือจีวร
เข้าไปสู่ที่อยู่ตามเดิม ทาสีนั้นจึงไปวัดไม่เห็นภิกษุทั้งหลาย จึงเข้าใจผิดคิดว่า
ไม่มีภิกษุในอาราม อารามว่างเปล่า จึงกลับไปบ้านแล้วแจ้งความนั้นแก่นาง
วิสาขา มิคารมาตาว่า ไม่มีภิกษุในอาราม อารามว่างเปล่า เจ้าค่ะ.
นางวิสาขา มิคารมาตา เป็นสตรีฉลาด เฉียบแหลม มีปัญญารู้ได้
ทันทีว่าพระคุณเจ้าทั้งหลาย คงทำตัวให้เย็น มีกายงาม ต่างถือจีวรเข้าไปสู่ที่
อยู่ตามเดิมเป็นแน่ นางคนนี้เขลาจึงสำคัญว่า ไม่มีภิกษุในอาราม อารามว่าง
เปล่า แล้วสั่งสาวใช้อีกว่า ไปเถิดแม่ทาสี เจ้าจงไปอาราม แล้วแจ้งภัตกาล
ว่า ถึงเวลาแล้ว ภัตตาหารเสร็จแล้ว เจ้าข้า.
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย พวกเธอจงเตรียมบาตรจีวร ถึงเวลาภัตตาหารแล้ว.
ภิกษุเหล่านั้นทูลรับสนองพระพุทธบัญชาว่า เป็นอย่างนั้น พระ
พุทธเจ้าข้า.
ครั้นเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงครองอันตรวาสก ถือบาตรจีวร
เสด็จหายไปในพระเชตวัน มาปรากฏที่ซุ้มประตูบ้านนางวิสาขา มิคารมาตา
ดุจบุรุษมีกำลังเหยียดแขนที่คู้ หรือคู้แขนที่เหยียดฉะนั้น พระองค์ประทับนั่ง
เหนือพุทธอาสน์ที่เขาปูลาดถวาย พร้อมด้วยพระสงฆ์.
ขณะนั้น นางวิสาขา มิคารมาตา กล่าวว่า ชาวเราผู้เจริญ น่าอัศจรรย์
จริงหนอ ชาวเราผู้เจริญประหลาดจริงหนอ พระตถาคต ชื่อว่ามีฤทธิ์มาก
มีอานุภาพมากเพราะเมื่อห้วงน้ำไหลนองไปเพียงเข่าบ้าง เพียงสะเอวบ้า เท้า
หรือจีวรของภิกษุแม้รูปหนึ่ง ก็ไม่ได้เบียกน้ำ ดังนี้แล้ว ร่าเริง เบิกบานใจ
อังคาสภิกษุสงฆ์แม้พระพุทธเจ้าเป็นประมุข ด้วยขาทนียโภชนียาหารอันประณีต

ด้วยมือของตน ยังพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เสวยเสร็จแล้ว จนทรงนำพระหัตถ์ออก
จากบาตรให้ห้ามภัตรแล้วนั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ได้กราบทูลแด่พระผู้มี
พระภาคเจ้าว่า หม่อมฉันทูลขอประทานพร 8 ประการต่อพระผู้มีพระภาคเจ้า
พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ตถาคตเลิกไห้พรเสียแล้ว วิสาขา.
วิ. หม่อมฉันทูลขอประทานพรที่สมควรและไม่มีโทษ พระพุทธ-
เจ้าข้า.
ภ. จงบอกมาเถิด วิสาขา.
วิ. พระพุทธเจ้าข้า สำหรับพระสงฆ์ หม่อมฉันปรารถนาจะถวายผ้า
วัสสิกสาฎก จะถวายภัตเพื่อพระอาคันตุกะ จะถวายภัตเพื่อพระที่เตรียมจะไป
จะถวายภัตเพื่อพระอาพาธ จะถวายภัตเพื่อพระที่พยาบาลพระอาพาธ จะ
ถวายเภสัชสำหรับพระอาพาธ จะถวายยาคูประจำ และสำหรับภิกษุณีสงฆ์
หม่อมฉัน ปรารถนาจะถวายอุทกสากฎ จนตลอดชีพ.
ภ. วิสาขา ก็เธอเห็นอำนาจประโยชน์อะไร จึงขอพร 8 ประการ
ต่อตถาคต.
วิ. พระพุทธเจ้าข้า วันนี้หม่อมฉันสั่งทาสีว่า ไปเถิด แม่ทาสี เจ้า
จงไปอาราม แล้วบอกภัตกาลว่า ภัตตาหารเสร็จแล้ว เจ้าข้า และนางก็ไปวัด
ได้เห็นภิกษุทั้งหลายเปลื้องผ้าสรงสนานกายอยู่ เข้าใจผิดคิดว่า ไม่มีภิกษุใน
อาราม มีแต่พวกอาชีวกสรงสนานกายอยู่ จึงกลับมาบ้าน แล้วรายงานแก่
หม่อมฉันว่า นายไม่มีภิกษุในอาราม มีแต่พวกอาชีวกสรงสนานกายอยู่.
1. พระพุทธเจ้าข้า ความเปลือยกายไม่งาม น่าเกลียด น่าชัง
หม่อมฉันเห็นอำนาจประโยชน์นี้ จึงปรารถนาจะถวายผ้าวัสสิกสาฎกแก่พระสงฆ์
จนตลอดชีพ.

2. อนึ่ง ข้ออื่นยังมีอีก พระพุทธเจ้าข้า พระอาคันตุกะไม่ชำนาญ
หนทาง ไม่รู้จักที่โคจร ย่อมเที่ยวบิณฑบาตลำบาก ท่านฉันอาคันตุกภัตของ
หม่อมฉันพอชำนาญหนทาง รู้จักที่โคจร จักเที่ยวบิณฑบาตได้ไม่ลำบาก
หม่อมฉันเห็นอำนาจประโยชน์นี้ จึงปรารถนาจะถวายอาคันตุกภัตแก่พระสงฆ์
จนตลอดชีพ.
3. อนึ่ง ข้ออื่นยังมีอีก พระพุทธเจ้าข้า พระผู้เตรียมตัวจะไปมัว
แสวงหาภัตตาหารเพื่อตนอยู่ จักพลาดจากหมู่เกวียน หรือจักถึงสถานที่ที่คน
ต้องการจะไปอยู่เมือพลบค่ำ จักเดินทางลำบาก ท่านฉันคมิกภัตของหม่อมฉัน
แล้ว จักไม่พลาดจากหมู่เกวียน หรือจักถึงสถานที่ที่ตนต้องการจะไปอยู่ไม่
พลบค่ำ จักเดินทางไม่ลำบาก หม่อมฉันเห็นอำนาจประโยชน์นี้ จึงปรารถนา
จะถวายคมิกภัตแก่พระสงฆ์ จนตลอดชีพ.
4. อนึ่ง ข้ออื่นยังมีอีก พระพุทธเจ้าข้า เมื่อพระอาพาธไม่ได้
โภชนาหารที่เป็นสัปปายะ อาพาธกำเริบ หรือท่านจักถึงมรณภาพ เมื่อท่าน
ฉันคิลานภัตของหม่อมฉัน อาพาธจักทุเลา ท่านจักไม่ถึงมรณภาพ หม่อมฉัน
เห็นอำนาจประโยชน์นี้ จึงปรารถนาจะถวายคิลานภัตแก่สงฆ์ จนตลอดชีพ.
5. อนึ่ง ข้ออื่นยังมีอีก พระพุทธเจ้าข้า พระผู้พยาบาลพระอาพาธ
มัวแสวงหาภัตตาหารเพื่อตน จักนำภัตตาหารไปถวายพระอาพาธจนสาย ตนเอง
จักอดอาหาร ท่านได้ฉันคิลานุปัฏฐากภัตของหม่อมฉันแล้ว จักนำภัตตาหาร
ไปถวายพระอาพาธตามเวลา ตนเองก็จักไม่อดอาหาร หม่อมฉันเห็นอำนาจ
ประโยชน์นี้จึงปรารถนาจะถวายคิลานุปัฏฐากภัตแก่พระสงฆ์ จนตลอดชีพ.
6. อนึ่ง ข้ออื่นยังมีอีก พระพุทธเจ้าข้า เมื่อพระอาพาธไม่ได้เภสัช
ที่เป็นสัปปายะ อาพาธจักกำเริบ หรือจักถึงมรณภาพ เมื่อท่านฉันคิลานเภสัช

ของหม่อมฉันแล้ว อาพาธจักทุเลา ท่านจักไม่มรณภาพ หม่อมฉันเห็นอำนาจ
ประโยชน์นี้ จึงปรารถนาจะถวายคิลานเภสัชแก่พระสงฆ์ จนตลอดชีพ.
7. อนึ่ง ข้ออื่นยังมีอีก พระพุทธเจ้าข้า พระองค์ทรงเห็นอานิสงส์
10 ประการ ได้ทรงอนุญาตยาคูไว้แล้ว ที่เมืองอันธกวินทะ หม่อมฉันเห็น
อานิสงส์ตามที่พระองค์ตรัสนั้น จึงปรารถนาจะถวายยาคูประจำแก่สงฆ์ จน
ตลอดชีพ.
8. พระพุทธเจ้าข้า ภิกษุณีทั้งหลายเปลือยกายอาบน้ำร่วมท่ากับหญิง
แพศยา ณ แม่น้ำอจิรวดีนี้ หญิงแพศยาเหล่านั้นพากันเย้ยหยันภิกษุณีว่า แม่เจ้า
พวกท่านกำลังสาวประพฤติพรหมจรรย์จะได้ประโยชน์อะไร ควรบริโภค
กามมิใช่หรือ พระพฤติพรหมจรรย์ต่อเมื่อแก่เฒ่า อย่างนี้ จักเป็นอันพวก
ท่านยึดส่วนทั้งสองไว้ได้ ภิกษุณีเหล่านั้นถูกพวกหญิงแพศยาเย้ยหยันอยู่ ได้
เป็นผู้เก้อ ความเปลือยกายของมตุคามไม่งาม น่าเกลียค น่าชัง หม่อมฉัน
เห็นอำนาจประโยชน์นี้จึงปรารถนาจะถวายผ้าอุทกสาฎก แก่ภิกษุณีสงฆ์ จน
ตลอดชีพ.
ภ. วิสาขา ก็เธอเห็นอานิสงฆ์อะไร จึงขอพร 8 ประการต่อตถาคต
วิ. พระพุทธเจ้าข้า ภิกษุทั้งหลายในพระธรรมวินัยนี้ จำพรรษาใน
ทิศทั้งหลายแล้ว จักมาพระนครสาวัตถี เพื่อเฝ้าพระองค์ แล้วจักทูลถามว่า
ภิกษุมีชื่อนี้ถึงมรณภาพแล้ว ท่านมีดติอย่างไร มีภพหน้าอย่างไร พระพุทธเจ้า
ข้า พระองค์จักทรงพยากรณ์ภิกษุนั้นในโสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล
หรืออรหัตผล หม่อมฉันจักเข้าไปหาภิกษุพวกนั้น แล้วเรียนถามว่า พระคุณ
เจ้ารูปนั้นเคยมาพระนครสาวัตถีไหมเจ้าข้า ถ้าท่านเหล่านั้นจักตอบแก่หม่อ-

ฉันว่า ภิกษุนั้นเคยมาพระนครสาวัตถี หม่อมฉันจักถึงความตกลงใจในการมา
ของพระคุณเจ้ารูปนั้นว่า พระคุณเจ้ารูปนั้นคงใช้สอยผ้าวัสสิกสาฎก คงฉัน
อาคันตุกภัต คมิกภัต คิลานภัต คิลานุปัฏฐากภัต คิลานเภสัช หรือยาคู
ประจำเป็นแน่ เมื่อหม่อมฉันระลึกถึงกุศลนั้นอยู่ ความปลื้มใจจักบังเกิด เมื่อ
หม่อมฉันปลื้มใจแล้ว ความอิ่มใจจักบังเกิด เมื่อมีใจอิ่มเอิบแล้ว กายจักสงบ
เมื่อมีกายสงบแล้ว จักเสวยสุข เมื่อมีความสุข จิตจักตั้งมั่น จักเป็นอันหม่อม
ฉันได้อบรมอินทรีย์ อบรมพละ อบรมโพชฌงค์นั้น หม่อมฉันเห็นอานิสงส์นี้
จึงขอประทานพร ประการต่อพระองค์ พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ดีละ ดีละ วิสาขา ดีแท้ วิสาขา เธอเห็นอานิสงส์นี้ จึงขอ
พร 8 ประการต่อตถาคต เราอนุญาตพร 8 ประการแก่เธอ.
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุโมทนานางวิสาชา มิคารมาตา
ด้วยพระคาถาเหล่านี้ ว่าดังนี้:-

คาถาอนุโมทนา


[154] สตรีใด ไห้ข้าวและน้ำ มีใจ
เบิกบานแล้ว สมบูรณ์ด้วยศีล เป็นสาวิกา
ของพระสุคต ครอบงำความตระหนี่แล้ว
บริจาคทานอันเป็นเหตุแห่งสวรรค์ เป็น
เครื่องบรรเทาความโศก นำมาซึ่งความสะ
สตรีนั้น อาศัยมรรคปฏิบัติ ปราศจากธุลี
ไม่มีกิเลศเครื่องยั่วใจ ย่อมได้กำลังและอาย
เป็นทิพย์ สตรีผู้ประสงค์บุญนั้น เป็นคนมี
สุข สมบูรณ์ด้วยอนามัย ย่อมปลื้มใจใน
สวรรค์สิ้นกาลนาน.